วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

My HErO's


My Hero’s

ท่านลุกมานสอนบุตรสุดที่รัก            ให้ประจักรต่อองค์ ทรงศักดิ์ศรี
นาม อัลลออฮเกรียงไกลไร้ภาคี                 อย่าได้มีสิ่งเทียบเปรียบเคียงกัน
จงนมาซต่อองค์ผู้ทรงสร้าง                       อย่าหันห่างทางดีที่เลือกสรร
จงห้ามปราบความชั่วกลัวลงทัน                ขันติมั่น เมื่อทุกข์รุกถึงตัว
อย่าทะนง หลงตนคนยะโส                         อย่าคุยโวอวดใครไปทุกหน
อย่าทำเสียงแข็งกร้าวราวข่มคน                จงคิดค้นพินิจจิตตรองดี
อัลลอฮ สร้างดินฟ้ามหาสมุทร                   มิสิ้นสุดอย่างไรในวิถี
ทั้งเดือนดาวพราวพันอันมากมี                 ทั้งเป็นที่มีประโยชน์โปรดไตร่ตรอง
ทรงทำให้กลางวันผันแปรเปลี่ยน              กลางคืนเวียน สลับอยู่เป็นคู่สอง
นาวาล่องอย่างไรใคร่ควรมอง                   เพื่อตรึงตรองต่อองค์ทรงเมตตา
               
                                               ปล.ของขวัญแด่ลูกรัก
      

ท่านผู้อ่าน คงสงสัยว่า กวีที่กล่าวมาข้อต้นคืออะไร? บางคนก็เคยได้ฟังผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว บาง แต่บางท่านอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน กวีข้างต้นที่ข้าพเจ้าได้ยกมาเป็นบทนำอ้างอิง คือ กวี บทหนึ่งซึ่งท่านลุกมาน ได้ เขียนไว้เพื่อนเป็นกวีสอนบุตรของท่าน เมื่อกล่าวถึงท่านเราคงไม่ปฏิเสธได้ว่าท่านคือ ไอดอลหรือแบบอย่างที่ดีท่านหนึ่งเลยก็ว่าได้ในอิสลามที่ได้ทิ้งร่องรอยแลแบบอย่างที่ ดีและสมบูรณ์ท่านหนึ่งในการ ใช้อิสลามและแนวทางอันเที่ยงตรงนี้ คอยปลอบประโลมและคอยชี้นำทางแก่บรรดาลูกๆของท่าน.
เหตุผลที่ข้าพเจ้าได้นำกวีนี้ขึ้นมาเกร่นนำ เป็นบทความชิ้นแรกในชีวิตของข้าพเจ้า มันมีที่มานะค่ะ... เมื่อย้อนไปราวๆสักเกือบสิบปีที่แล้ว หรือเมื่อประมาณข้าพเจ้าอยู่ชั้น ป.สองเห็นจะได้(นานมั๊กมากๆ) นี้เป็นของขวัญชิ้นแรกที่ข้าพเจ้าได้รับจาก บิดา หรือ ทีข้าพเจ้าเรียกว่า อบี (ภาษา อาหรับแปลว่า พ่อของฉัน) เหตุเกิดจากความประทับใจในตัว พ่อของฉัน และท่านก็เป็นแรงบันดาลใจร่วมไปถึงแรงขับเคลื่อนอันแรงกล้าในใจของข้าพเจ้าให้มีวันนี้ได้ และด้วยความประสงค์ของ อัลออฮ ซ.บที่ดลใจข้าพเจ้า .ท่านผู้อ่านยัง งง สิท่าว่ามันก็แค่กวี บทหนึ่งจะเป็นของขวัญและแรงบันดาลอะไรได้?
เมื่อครานั้นข้าพเจ้าได้พูดกับ อบี ว่า ถ้าลูกสอบได้ที่หนึ่งหรือที่สองปีนี้ ลูกขอของขวัญชิ้นหนึ่งนะ ด้วยความเป็นเด็ก ปรกติอ่านะ อยากได้ของขวัญจากผู้เป็นพ่อ อบีก็ตอบตกลง ข้าพเจ้าดีใจมากๆ คิดในใจว่า ปีนี้เราจะได้อะไรนะ  จนวันที่ผลสอบออก ที่เราเรียกว่าวันไปรับสมัดพรกนั้นแหละค่ะ จำได้ว่าวันนั้น อบีไม่อยู่บ้านแต่อบีโทรมาบอกว่า ของขวัญ อบี ฝากไว้แล้วนะที่บ้าน  ด้วยความตื่นเต้น เย็นวันนัข้าพเจ้าก็รีบกลับบ้านด้วยความดีใจ ภายในใจก็ อดคิดไม่ได้เลยว่า เราจะได้ของขวัญอะไรนะ? กล้องของขวัญจจะใหญ่หรือเล็ก จะสวยหรือป่าวนะ เมื่อข้าพเจ้ากลับไปถึง ถามผู้เป็น แม่ ด้วยจิตใจที่ ลุกลี้ลุกลนว่า ไหนอ่า ม๊า ขอขงขวัญที่อบีฝากให้ หนู ม๊า ยิ้มแล้วพูดว่า หนูไปดูสิมันอยู่ในห้องทำงาน. ไม่รีรอข้าพเจ้ารีบวิ่งเข้าไปในห้องทำงานของ อบี กวาดสายตามองไปทั่วห้องในใจปรารถนาจะเห็นกล้องของขวัญสีสันน่ารักๆ แต่ข้าพเจ้าไม่พบ สิ่งที่ต้องการจะเห็นเลย ใจข้าพเจ้าเริ่มงุนงง และหงุดหงิดเล็กน้อย ย้อนไปถามผู้เป็นมารดาอีครั้ง ม๊าไหนละของขวัญ หนู ม๊าบอกดูดีๆ สิข้าพเจ้าก้อพลัน หันไปเห็นกวีบทหนึ่งที่ได้เขียนไว้บนไวท์บอร์ด ด้วยปากกาลูกลื่นสีดำ ข้าพเจ้าสะดุดที่ตรง บรรทัดสุดท้าย ว่า
                                                                                                        ปล.ของขวัญแด่ลูกรัก

นี้มันอะไรกันเนี่ยะ?????? ความรู้สึกผิดหวัง งุนงง สงสัย และอารมณ์เริ่มขุนมัว เริ่มก่อขึ้นในจิตใจของข้าพเจ้า แต่เอาเถอะ อ่านหน่อยละกัน นี้มันของขวัญอะไรกัน แอบนึกคนเดียวอยู่ในใจ แล้วข้าพเจ้าก้อเริ่มอ่านบทความนั้น เด็กอายุแปดขวบกำลังได้รับของขวัญสิ้นพิเศษในชีวิต ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยลืมได้เลย ข้าพเจ้าอ่านกวีทีละบรรทัด ทีละประโยคด้วยใจที่จดจ่อ ปนกับ งงๆ นิดหน่อยแต่เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านมัน พอมาถึง ประโยคุดท้าย แด่ลูกที่รัก น้ำตาของข้าพเจ้าไหลพรากออกมาโดยมิรู้ตัว(แอบขำตัวเองนิดหน่อย)  มันซึ่งไงไม่รู้ สิ่งที่ทำน้ำตาข้าพเจ้ารินไหลออกมาด้วยความปลื้มปิติ มันวิเศษที่สุด อบีรักเราจังเลย ข้าพเจ้าคิดแบบนั้น แต่ก็แอบดีใจ กับสิ่งที่ได้รับ แล้วก็มีข้อความสั้นๆเขียนไว้ที่ท้าย กวีบทนี้ อีกบท





พ่อไม่มีเงินทองจะกองให้
จงตั้งใจพากเพียรเรียนหนังสือ
หาวิชาความรู้เป็นคู่มือ
เพื่อยึดถือเอาไว้ใช้เลี้ยงตน
พ่อกับแม่ มีแต่จะแก่เฒ่า
จะเลี้ยงเจ้าเรื่อยไปนั้นอย่าหมาย
ใช้ชีวิตช่วยตนไปจนตาย
ลูกสบาย พ่อกับแม่ ก็สุขใจ
สักวันหนึ่ง พ่อกับแม่ ต้องจากเจ้า
เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้ทรงสูงส่งยิ่ง
กราบทูลเฝ้าอ้อนวานด้วยความจริง
ต่อทุกสิ่งที่ได้พร่ำกระทำมา
วอนผ่องลูกทุกคนเป็นคนดี
เพื่อนศักดิ์รีอิสลาม คอยตามสอน
ด้วยชีวิตมั่นศรัทธาอย่างไตร่ตรอง
ตะโกนก้อนแผ่นฟ้าข้อคือมุสลิม.

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ทุกคำทุกประโยคที่ข้าพเจ้าได้อ่านมันยังคงติดตาตรึงใจข้าพเจ้าเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว ท่านคือแบบอย่างของข้าพเจ้าท่านคือครูคนที่สองของข้าพเจ้ารองจากมารดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่าเราทุกคนก็ต้องชุกุร ขอบคุณที่ อัลลอฮให้เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวท่าน ได้เป็นลูกของท่าน มันรู้สึกเหมืนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวาน ถึงแม้วันนี้เราจะเติบใหญ่เป็นผู้ใหญ่หรือจะคิดว่าเราช่วยตัวเองได้แล้วแต่ท่านทั้งสองก็ยังคิดว่าเราคือเด็กน้อยในสายตาของท่านอยู่ดี ณ.   บัดนี้ข้าพเจ้าได้อยู่ห่างไกลจากครอบครัวของข้าพเจ้าห่างไกลเหลือเกิน แต่ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าได้นึกถึงคำสอนหล่าวนี้มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าท่านไม่เคยไปไหนอยู่ตรงนี้คอยเตือนใจข้าพเจ้าอยู่เสมอๆ  ทุกอย่างพระองค์ได้ทรงกำหนดไว้แล้ว และข้าพเจ้าก็ได้แต่ ภาวนา ดุอา เสมอว่าข้าพเจ้าจะแข้มแข็งเพื่อ วันพรุ่งนี้ได้ เพราะข้าพเจ้าคคือ ลูกขอท่าน คือ อุมมะ ของท่านอรซุ้ล คือ บ่าวของพระองค์ คือ คนที่จะตะโกนก้องแผ่นฟ้าว่าข้าคือมุสลิม.