วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

Season change

Season Change ทำไมต้อง Season change? เพราะนี้ก็เข้าเดือนมีนาคม อย่างทราบกันดัและเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า จอร์แดนเป็นประเทศที่มี สี่ฤดู ที่ประกอบไปด้วยฤดู ร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงและฤดู ใบไม้ผลิ..ในแตะละฤดูนั้นจะมีระยะเพียงแค่สามเืดือน แต่ก็แน่นอนที่สุด ถ้าจะถามว่าฤดูใหนที่ยาวนานที่สุดก็คงเห็นจะเป็นฤดูหนาวนี้แหละค่ะ เพราะอะไรนะหรือ ก้อเพราะว่า ถ้าไม่นีับฤดูร้อนแล้วฤดูอื่นๆก็จะ มีสภาพอากาศที่หนาวอยุ่ตลอดเวลา อาจจะไม่หนาวเท่าฤดูหนาวจริงๆก็ตาม...ต่ถ้าถามว่าฤดูใหนที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วก็คงไม่พ้นฤดูไม่ใล้ผลิ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาพอดี ฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มตั้งต่หลังหิมะตก หรือจะอยุ่ประมานช่วงมีนาคมถึงมิถุนายนก็จะสิ้นสุดฤดูใบไม้ผลิ ฤดูนี้จะเป็นช่วงที่อากาศดีและอบอุ่นที่สุดของปี อุณหภูมิจะอยุ่ที่ประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส.ด้วยภูมิประเทศจอร์แดนตั้งอยุ่บนที่ราบสูง พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาสลับซับซ้อนกันไป ต่าจากเมืองไทยบ้านเรามากๆแทบจะหาที่ราบไมไ่ด้เลย หลายคนคงสังสงว่าอ้าวล้วเค้าอยู่กันยังไงสร้างบ้านกันยังไง มีคำตอบค่ะ ด้วยภูมิประเทศที่ไม่ค่อยมีต้นไม้และป่าเขาเลย การใช้ชีวิตที่นี้จึงไม่ซับซ้อนและยุ่งยากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับบ้านเราไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงหรอเมืองต่างๆ คุณลองนึกถึงภูเขาที่ไม่สูงมากนัก ไม่มีต้นไม้ แต่ไม่ใช่ืะเลาทรายนะค่ะ อ่า แล้วถ้าสมมุตคุณเอากล่อกระดาษลังสี่เหลี่ยม เล็กใหญ่ตามขนาดมาวาง รายล้อมภูเขา หรือวางไว้ส่วนใหนก็ได้ด่านบนหรือด้านล่าง ภาพที่คุณเห็นนั้นแหละค่ะ บ้านเมืองของจอร์แดนที่คุณพอจะสามารถมโนภาพได้.ปิ๊งเดียวที่คุณเหนภาพเหล่านั้นในหัวก็อาจจะเกิดคำถามขึ้นอีกว่า แล้วบ้านรูปทรงต่างๆเหมือนบ้านเราไม่มีหรอ? คำตอบคือมีต่ส่วนน้อย นั้นเป็นเพราะหลายเหตุผลค่ะ เรื่องฤดูก็เป็นส่วนหนึ่ง สภาพภูมิประเทศ การเป็นอยุ่ การใช้ชีวิต และอีกหลายๆเหตุผลค่ะ แล้วฤดูมันมีบทบาทอย่างไรในการสร้างบ้านเมืองเหล่าวนี้ อ่าคนอ่านก้อเริื่มงง??? เราจะเล่าให้ฟังเนื่องจากเมืองไทยบ้านมีเพียงเเค่สองฤดู คือ ร้อนกับฝน จึงไม่จำเป็นต้อง ครีเอท อะไรมากมายเอาพอกันแดด กันลมก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เอาตามกำลังจะมีความสามรถ เห็นได้ทั่วๆไปค่ะ แต่ด้วยวา่่าที่นี้เมือฤดูหนาวมาเยือนมันจะหนาวยะเยือกมาก อุณห๓ภูมิ อยุ่ที่ -10 องศา เลยบางครั้งเมื่อหิมะตกหนักๆ การสร้างบ้านจึงต้องอาศัยวัสดุที่คงทนและ สามารถรักษาระดับอุณภูมิบ้านจากอากาศที่โหดร้ายได้ แล้วทำไมบ้านจึงไม่มีหลังคา? คิดๆก้อแปลกดีนะบ้านไม่มีหลังคา ก็อยุ่เมืองไทยเคยชินแต่บ้านแบบนี้ ตอนมาไหม่ๆก็ งงๆ แต่ด้วยเหตุผลที่ว่าเมือถึงฤดู ใบไม้ร่วงจะมีพายุเข้าอยุ่เป็นเนื่องๆ เพราะกำลังอยุ่ในช่วงลมฤดู อาจจะมาเป็นพายุเล็กๆหรือ พายุใหญ่ๆก็มีให้เห็นเป็นบางครั้ง ด้วยเหตุผลนี้บ้านที่นี้จึงไม่สามารถมีหลังคาได้ ไม่งั้นก็คงจะปลิวไปหมด อีกอย่างคือ ถ้าสังเกตดีๆ ต้นไม้ที่ประเทศนี้จะไม่ยืนตรงดิ่งขึ้นเหมือนบ้านเรา เกือบทุกต้นจะขึ้นและเอียงๆ ตั้ฉากกับพื้นดิน ลองนึกภาพดูค่ะ นี้ก็เป็นเพราะลมที่พัดแรงอยู่ตลอด จึงทำให้ต้นไม้ขึ้นเอียงๆ นึกดูก็คงตลกดีนะค่ะ.อันความว่าสิ่งที่พระเจ้าสร้างบนความแตกต่างก็ยังมีฮิกมะ(สิ่งที่ดี)ในตัวของมัน ไม่มีฤดูหนาวไหนเลยจะได้เล่นหิมะ แม้จะเป็นเวลาสั่น หรือต้องทนกับความเหน็บบจนสั่นทะท้านก็ตาม ฮ่าๆ แต่นั้นแหละคือ กำไรของเด็กเรียนนอกอย่างๆเรา พอเรียนจบก็คงกลับไปตากแดด อุณภูมิ 30-40 องศา ร้อนกันตับแล๊บที่เมืองไทยอีกนั้นแหละมันหนีกันไม่พ้น ไม่เคยร้อนไหนจะรุ้เลยว่าหนาวเป็นยังไง ในความเหน็บหนาวไหนเลยจะรุ้ว่าการได้เล่นหิมะมันส์ขนาดใหนหนาวแค่ไหนก็ยอมค่ะพี่น้อง..เกือบลืมนางเอกของงานนี้ไปซะแล้ว เมือวานไปถ่ายรูปดอกซากุระมา ไม่อยากจะบอกว่าสวยมาก แปลกใจอ่าสิ นึกว่ามีแต่ญี่ปุ่น จอร์แดนก้อมีครับ ซากุระจะบานปีละครั้งคือแรกเริ่มฤดูใบไม้ผลิหลังสิ้นสุดฤดูหนาวจะบานสะพรั่งมีหลายสี ดอกซากุระมีสีสีขาวสีชมพูอ่อน ชมพูเข้มแต่กลิ่นดอกซากุระจะไม่หอมรัญจวนเท่าดอกไม้อื่นๆค่ะ อาศัยความสวยก็กินขาดเจ้าค่ะ