วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เมื่อสิ่งที่อิสลามได้สั่งห้าม

เมื่อสิ่งที่อิสลามได้ห้าม....


อิสลามที่ถูกนำพามาโดย มูฮัมหมัด ซล. สิ่งมาพร้อมกับเราะมัต ความสว่างแก่โลกใบนี้ อย่างเช่น อ.ล ได้ตรัสไว้ว่า

وَما أَرْسَلْناكَ إِلاَّ رَحْمَةً لِلْعالَمِينَ

“และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่อสิ่งอื่นใดนอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งหลาย” (ซุเราะห์ อัล อันบิยา อายะ 17)

แปลจาก รากศัพท์ภาษา:

الرَّحْمة: الرِّقَّةُ والتَّعَطُّفُ
เราะห์มัตนั้นเปรียบเสมือน ความอ่อนโยน ความอ่อนน้อม ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ”

หรือด้วยความหมายอื่นๆกล่าวคือ “เราะห์มัต” เปรียบเสมือนการได้หยิบยื่นความรัก ดั่งเช่นสรุปโดยรวมคือ การมาของศาสนาอิสลามนั้เหมือนการที่อัลลอฮได้หยิบยื่นความรักแก่บ่าวของพระองค์นั้นเอง.

ความรักดังกล่าวนั้น แปลได้เป็นสองความหมายคือความรักในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ในทั้งหมดของคำสอน
ที่อิสลามได้บอกไว้ รวมไปถึงสิ่งที่อนุมัติ และสิ่งที่ไม่อนุมัติ ดั่งสิ่งที่ อัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า

وَقَلِيلٌ مِنْ عِبَادِيَ الشَّكُورُ

“เพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น บ่าวที่จะขอบคุณต่อพระองค์”

เพราะว่าเรามัวแต่มองภาพของมุสลิมบางส่วนในปัจจุบัน เมื่อมีนักอุลามะ ออกมาฟัตวา อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อนุมัติ และอนุมัติในอิสลาม แต่ก็ ยังมีบางคนก็ได้ พูดมาโดยไม่เกรงใจ “อะไรนิดๆหน่อยๆก็ห้ามไปซะหมด”แต่ในทางกลับกันเขาไม่ได้มองว่าสิ่งที่อิสลามได้ห้ามไว้นั้นคือสิ่งที่เป็นอันตราย และที่อนุมัติคือสิ่งที่ดีสำหรับมนุษย์ชาติแล้ว

สิ่งที่ไม่อนุมัติคือสิ่งที่ไม่ดีและมีแต่การขาดทุน
เมื่ออิสลามคือ rahmatan lil ‘alamin ดั่งนั้นผลพวงที่จะตามมาคือ คำสอนของอิสลามนำมาแต่สิ่งที่ดีงามแก่มนุษย์และที่สิ่งที่ถูกห้ามคือสิ่งที่ให้โทษแก่มนุษย์ทั้งสิ้น ข้อมูลเหล่านี้ได้ปรากฏชัดเจนใน kaidah fiqhiyyah:

الشَارِعُ لَا يَـأْمُرُ إِلاَّ ِبمَا مَصْلَحَتُهُ خَالِصَةً اَوْ رَاجِحَةً وَلاَ يَنْهَى اِلاَّ عَمَّا مَفْسَدَتُهُ خَالِصَةً اَوْ رَاجِحَةً

ความว่า..
“อิสลามสั่งให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งไดหากแม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดี 100% หรือสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าอย่างชัดเจน และอิสลามจะไม่ห้ามสิ่งนั้นนอกจากว่าสิ่งๆนั้นจะให้โทษ 100%หรือว่าสิ่งนั้นจะเป็นที่ไม่ดีปรากฏอย่างชัดเจน”


เชค อับดุลเราะห์มาน บิน นาชิร อัซ ซาดี ได้กล่าวว่า “กฏหรือคำสอนนี้ได้ครอบคลุมทั้งหมดของหลักคำสอนอิสลามอย่าไม่มีข้อกังขา.ทุกอย่างที่ได้พุดมาทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นสิ่งที่ดีและเอื้อประโยชนืต่อกันไม่ว่าจะเป็นมนุษย์กับ มึมนุษย์ด้วยกันหรือ บ่าวกับอัลลอฮ. ดั่งเช่น อัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า :

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالْإِحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَىعَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

“แท้จริงอัลลอฮทรงใช้ให้รักษาความยุติธรรม และทำดี และการบริจาคแก่ญาติใกล้ชิดและให้ละเว้นการทำลามกและการชั่วช้า และการอธรรม พระองค์ทรงตักเตือนพวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจักได้รำลึก” (ซุเราะห์ อัล นะฮล อายะ 90 )

ในอายัตนี้ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าทุกๆความยุติธรรม ความดี และทุกมิตรภาพ ได้ถูกสั่งใช้โดยคำสอนของอิสลามแล้วทั้งสิ้น.ทุกๆความชั่วช้าและความอยุติธรรมที่บ่าวได้กระทำต่อ องค์อัลลอฮ ล้วนเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่ง.สิ่งที่เป็น ตัณหาล่อต่ล่อใจมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น ทรัพย์สิน เงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ แน่นอที่สุดมันคือสิ่งที่ ชารีอะห์ ได้ห้ามไว้แล้วทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังคงตระหนักอยู่เสมอถึงบรรดาบ่าวผู้อ่อนแกของพระองค์เกี่ยวกับความดีและสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสและสั่งสอนไว้ในอิสลาม เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในคำสอน. และพระองค์ก้ได้นึกถึงในสิ่งที่ทรงห้ามโดยศาสนา เพราะนั้นคือสิ่งที่จะให้โทษ กับ บรรดาบ่าวของพระองค์นั้นเอง.

และไม่เป็นที่สงสัยได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆมัคลุค บนโลกนี้ ล้วนตออัต หรอ ปฏิบัติต่อคำสอนนั้น เพียงน้อยนิดเท่านั้น.สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดบนหน้าแผ่นดินนี้ ก็ยังคงถูกนำไปให้แม้จะเพียงนิดนิดก็ตามแต่ แต่ทว่าหากสิ่งดีที่มีอยู่นั้นได้ถูกอนุมัติทั้งหมดไม่ต้องสัยเลยว่าทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้คงจะมีแต่ สิ่งที่อิสลามอนุมัติโดยที่ไม่มี สิ่งที่ ฮารอม หรอสิ่งที่ไม่อนุมัติเลย.
ด้วยเหตุผลนี้อิสลามจึงห้าในสิ่งที่เป็นโทษและไม่ดีต่อมนุษย์แต่กลับส่งเสริมและอนุมัติแต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นดั่งเช่น อัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า :

يَسْأَلُونَكَ عَنِ الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ قُلْ فِيهِمَا إِثْمٌ كَبِيروَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَإِثْمُهُمَا أَكْبَرُ مِنْ نَفْعِهِمَا

“พวกเขาจะถามเกี่ยวกับน้ำเมา และการพนัน จงกล่าวเถิดว่า ในทั้งสองนั้นมีโทษมากและมีคุณหลายอย่างแกมนุษย์ แต่โทษขอมันนั้นมากกว่าคุณของมัน” (อัล บากอเราะห์ อายะ 219 )

อาจจะมีบ้างบางครั้งคนเราลังเลที่จะ ลดละนิ่ที่ศาสนาได้ห้ามไว้ เพราะอาจจะถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดาสำหรับเขา เหมือนการที่เขาลังเลที่จะไม่ทำการคอรัปชั่นเพราะสิ่งนั้นถ้าทำแล้วก็ได้เงิน.เหมือนคนๆนึงลังเลที่จะกินรับประทานหมูเพียงเพราะว่าเนื้อมันอร่อย เหมือนคนๆนึงลังเลที่จะลังเลที่จะฟังเพลง เพราะมันทำให้ใจร่าเริง สนุกสนาน เหมือนคนๆนึงลังเลที่จะละบุหรี่เพียงเพราะมันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และ อีกหลายๆเหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้าง.
จงหันกลับไปมองซิว่า บรรดา ซอฮาบัต ridwanullah ‘alaihim ajma’in, พวกเขาปฏิขัติต่อคำสอนของอิสลามอย่างไรในเรื่องข้อห้ามและ อนุมัติอย่างไร? พวกเขาได้กล่าวไว้ว่า...

نَهَانَا رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- عَنْ أَمْرٍ كَانَ لَنَا نَافِعًا وَطَوَاعِيَةُ اللَّهِ وَرَسُولِهِ أَنْفَعُ لَنَا

“ท่านรอซุ้ลลุลลอ วอลลอลลอฮุอาลัยฮิวาซัลลัม ได้ห้ามเราจากสิ่งหนึ่งที่เราได้เคยปฏิบัติกันมา แต่ทว่าสิ่ที่ท่านได้บอกเรานั้นดีกว่าสิ่งที่เราเคยปฏิบัติม่ก่อนหน้านี้เป็นใหนๆ” (HR. Muslim, no. 4027)


จะเสียหายมากไหมถ้าหากเรายอมเสียสละดุนยา เพื่อ คำสอนของศาสดาและ อัลลอฮ?
มันจะเป็นความหมายอะไรเมื่อพวกท่านตักตวงแต่ผลประโยชน์จากดุนยา ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ขาดทุนในอาคิเราะห์ทั้งสิ้น?
จะเป็นอะไรมั้ยหากพวกท่านยอกละทิ้งความสะดวกความง่ายในโลกดุนยาเพื่อที่จะเป็นบ่าวที่พระองค์พึงประสงค์ทั้งโลกนี้และโลกหน้า เพื่อนเป็นบ่าวที่ ตออัต เชื่อฟังและ มีเกียติ? อะไรที่พวกท่านจะได้รับจากโลกดุนยานี้เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่พวกท่านจะได้รับจากสิ่งที่แน่นอนกว่า...?

وَالْآخِرَةُ خَيْرٌ وَأَبْقَى


“อาคีเราะห์นั้นดีกว่าและแน่นอนกว่า” ((QS. Al-A’laa: 17)


อย่างไรก็ตามสิ่งที่อิสลามไม่อนุมัติต่างๆก็นำมาซึ่งผลพวงที่ดีต่อดุนยา และอาคีเราะห์ทั้งสิ้น ไม่ได้นำมาซึ่งการขาดทุนทั้งสองโลกแต่อย่างใด ดั่งเช่นอัลลออฮได้ตรัสไว้ในอายะ ต่อไปนี้...




فَلْيَحْذَرِ الَّذِينَ يُخَالِفُونَ عَنْ أَمْرِهِ أَنْ تُصِيبَهُمْ فِتْنَة أَوْ يُصِيبَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ


“บรรดาผู้ที่ปฏิเสธคำสอนของท่านรอซุ้ลควรแก่การ กลัวต่อการลงโทษที่พวกเขาจะได้พบเจอ” (QS. An Nuur: 63

ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้สำหรับผู้ที่จะฝ่าฝืนคำสอนของศาสนาควรตระหนักอย่างยิ่งว่า สิ่งที่พวกเขาจะได้รับต่อผลกรรมที่พวกเขาได้ก่อขึ้นนั้นจะเป็นเช่นไรพวกเขาเลือกที่จะตักตวงผลกำไรหรือชีวิตที่มีการขาดทุน”

สิ่งที่อิสลามไม่อนุมัตินั้นเล็กน้อยกว่าสิ่งที่อนุมัติ
คนที่พูดว่า”เอะอะๆก็ฮารอมๆ นั้นก็ไม่ได้ นี้ก้ไมได้”มิได้คิดเลยหรอกหรอว่าสิ่งที่อัลลอฮอนุมัติให้พวกเขานั้นมากมายซะกว่าสิ่งที่ไม่อนุมัติหรสิ่งที่ ฮาลาล นั้น มากว่า สิ่งที่ฮารอมซะอีก,เช่นอาหารที่ ไม่อนุมัติให้กินนั้นน้อยกว่าที่อนุมัติซะอีก.อัลลอฮ ตาอาลา ไม่ได้จำกัดอาหารที่ฮาลาลกับการแยกชนิดของอาหารนั้นๆไว้เพื่อให้เป็นการง่ายต่อบ่าวของพระองค์.เพียงสิ่งนี้ก็สรุปได้ง่ายๆว่าทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ส่วนมากนั้นเป็นสิ่งที่ฮาล้าลมากกว่าฮารอมซะอีก พระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกัยเรื่องอาหารและเครื่องดื่มโดยรวมๆไว้ว่า...

كُلُوا وَاشْرَبُوا وَلَا تُسْرِفُوا إِنَّهُ لَا يُحِبُّ الْمُسْرِفِي

“และจงกินและจงดื่ม และจงอย่าฟุ้มเฟือย เพราะแท้อัลลอฮไม่ชอบบรรดาผู้ที่ฟุ้มเฟือย” (QS. Al A’araf: 31)







รวมไปถึงเพียงแค่กี่ชนิดเท่านั้นที่อัลลออฮทรงได้ห้ามไว้ ดั่งเช่นที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า...

وَمَا لَكُمْ أَلَّا تَأْكُلُوا مِمَّا ذُكِرَ اسْمُ اللَّهِ عَلَيْهِ وَقَدْ فَصَّلَ لَكُمْ مَا حَرَّمَ عَلَيْكُمْ إِلَّا مَا اضْطُرِرْتُمْ إِلَيْهِ

“และมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้ากระนั้นหรือ ที่พวกเจ้าไม่บริโภคจากสิ่งที่พระนามของอัลลอฮถุกกล่าวขึ้นบนมัน ทั้งที่พระองค์ทรงแจกแจกแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งสิ่ที่พระองค์ได้ทรงห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว นอกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้รับความคับขันให้ต้องการ” (QS. Al An’am: 119)

และอีกไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ได้กล่าวไว้อย่างชุดเจนในฮาดิษ รอซุ้ล. จากจุดนี้นักอุลามะ ได้อธิบายไว้จาก
ส่วนหนึ่งใน kaidah fiqih:

الأصل في العبادات الحظر, و في العادات الإباحة

“ฮูกุมที่แท้จริงอิบาดะ คือ ได้ห้ามไว้,ฮูกุมที่แท้จริง อาดัต คือ ได้”

คำว่า อาดัต adah คืออะไรก็ตามที่ตรงกันข้ามกับ ไม่ใช่อิบาดัต อย่างเช่น การกิน การดื่ม การใส่เสื้อผ้า วัตถุดิบต่างๆ และอื่นๆ.ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ฮาลาลและอนุมัติสำหรับพวกเขาจนกว่าจะรู้และเข้าใจในกฎข้อห้ามต่างๆ เชค อับดุลเราะห์มาน บิน นาชิร อัส ซาดี ได้อธิบายไว้ว่า : ทุกสิ่งที่มาจาก อาดัตที่ดีก้คืออาหาร ,เครื่องดื่ม ,เสื้อผ้า ,วัตถุดิบ ,ที่ไม่ใช่อิบาดัต มุอามาลัล การงาน, ฮุกุม พื้นฐานของมันคือ อนุมัติและ ทำได้.คนที่ห้ามหรอไม่อนุมัติกับสิ่งที่เป็นอาดัต ในขณะเดียวกัน อัลลอฮแรอซุลอนุมัตินั้นเขาคนนั้น คือ บุคคล มุบตาดี (mubtadi‘)

ดังนั้นหากเราได้ทราบถึงสิ่งที่ได้ถูกอนุมัติตามหลักศาสนาแล้ว มันก็จะเป็นเรื่องง่าย

وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَتَ اللَّهِ لَا تُحْصُوهَا

“และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลอฮแล้ว พวกเจ้าก็ไม่อาจจะนับคำนวณมันได้” (QS. Ibrahim: 34)

จากเนี๊ยะมัต ที่ไม่สามารถนับคำนวณได้ มันช่ามากมายซะเหลือเกิน ความเมตตาที่พระองค์พึงมีแก่บ่าวของพระองค์ แล้วเหตุไฉนเหล่า เพียงแค่น้อยนิดที่พระองค์ทรงห้าม พวกเจ้าก็ยังดึงดันที่จะฝ่าฝืน?

คนทุกคนมีความมารถที่จะละต่อสิ่งที่ฮารอม (ไม่อนุมัติ)
อัลลอฮประทานศาสนาอิสลามาเพื่อเป็นทางนำ เพราะอิสลามคือสิ่งที่ง่ายและไม่ยุ่งยากแก่การดำเนินชีวิตของมนุษย์ชาติ .
ท่านศาสดาเคยกล่าวไว้ว่า...

إِنَّ الدِّينَ يُسْرٌ ، وَلَنْ يُشَادَّ الدِّينَ أَحَدٌ إِلاَّ غَلَبَهُ ، فَسَدِّدُوا وَقَارِبُوا وَأَبْشِرُوا

“แท้จริงแล้วศาสนานั้นเป็นเรื่องง่าย ส่วนคนที่มากเกินไปในศาสนาจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ดังนั้นจง อิติกอมัต และจงเข้าใกล้อิสติกอมัต,และจงเตรียมพร้อมที่จะได้รับข่าวดี” (HR. Bukhari no.39)

จนกระทั่งมีคนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับฮาดิษบทนี้ละได้กว่าว่า “สำหรับฉันแล้วการละหมาดวันละเวลานั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้นเมื่อคือสลามคือเรื่องทีง่ายดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องละหมาดวันลละห้าเวลา” ด้วยเหตุผลและข้ออ้างดังกล่าวบรรดาผู้ที่ละเลยและหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองจึงถือเป็น ข้ออ้างในการละเว้นอิบาดัตต่างๆไป. หรืออีกความหายหนึ่งคือพวกตีความว่าสิ่งนั้น “ง่าย” และ “ยาก” ว่าไปตามความคิดของตัวเองทั้งสิ้น. อะไรที่คิดว่าเป็นการยากสำหรับพวกเขาก้อละทิ้ง ถึงแม้ว่า หลักชารีอะห์จะชัดเจนเพียงใดว่านั้นคือ วาญิบ ส่วนหนึ่งใดที่ศาสนาได้ห้าม เพียงแค่เรื่องง่ายๆพวกเขากลับปฏิบัติมันเพียงเพราะอิสลามคือเรื่องง่าย?

แน่นอนเมื่อฮาดิษยังไม่หนักแน่นพอสำหรับพวกเขา อัลลอฮจงได้ตรัสขึ้นมาอีกว่า....

لَا يُكَلِّفُ اللَّهُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا

“อัลลอฮจะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น” (QS. Al Baqarah: 286)

อายะนี้ ตอกย้ำให้ชัดเจนถึงเรื่องคำสอนและข้อห้ามต่างๆว่าพระองค์จะไม่สั่งใช้บ่าวของพระองค์จนเกินพลังและความสามารถของพวกเขาเว้นแต่พวกเขาจะละเล้นมันเสียเอง.และด้วยหลักฐานและเหตุผลต่าๆเพียงแค่นี้ก็บ่งชี้ชัดได้แล้วว่าอิสลาม ไม่ใช้เรื่องยุ่งยากและซับซ้อนวุ่นวาย ทว่านั้นคือทางนำแก่มวลมนุษย์และสิ่งที่ดีที่สุดให้การดำเนินชีวิต.

เชค อัลดุลเราะมานได้อธิบายเกี่ยวกับฮาดาดังกล่าวอีกว่า “ความหมายอีกนัยนึงคือ ศาสนาอิสลามนั้น ง่ายและ ไม่ยุ่งยาก,ดีในหลักอากีดะ, อัคลาค,อาม้าลๆ อิบาดัต ,คำสั่งใช้และข้อห้ามต่างๆ......ทั้งหมดนั้นไม่เกินความสามารถที่มนุษย์จำทำได้ โดยไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยเหนื่อย หนักหนา หรือ ลำบากแต่อย่างใด เพราะอากีดะ อิสลามนั้น ไม่ได้หนักและ ลำบากแก่พวกเขาเลย.

แต่ถ้าหากว่าท่านเป็นเรื่องยากที่จะละทิ้งที่ฮารอม...จงเชื่อมั่นว่าท่านทำได้.

รับรู้และปฏิบัติ
เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่คนเราเผชิญกับความเป็นจริงที่ว่า เมื่อเราเรียนรู้ รับทราบ และเข้าสู่ขบวนการเปลี่ยน..
ดั่งเช่นที่อัลลอฮได้กล่าวไว้เกี่ยวกับ ปฏิกิริยาของบ่าวที่เต็มไปด้วยใจที่ ศรัทธาและ เชื่อฟังว่า..

نَّمَا كَانَ قَوْلَ الْمُؤْمِنِينَ إِذَا دُعُوا إِلَى اللَّهِ وَرَسُولِهِ لِيَحْكُمَ بَيْنَهُمْ أَنْ يَقُولُوا سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا وَأُولَئِكَ هُمُ الْمُفْلِحُونَ

“แท้จริงคำกล่าวของบรรดาผู้สรัทธา เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลออฮ และรอซุ้ลของพระองค์เพื่อให้ตัดสินในระหว่างพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม และชนเหล่านี้พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ” (QS. An Nuur: 51)

เมื่อศาสนาได้สั่งห้ามในสิ่งๆหนึ่งพวกท่านพร้อมที่จะละทิ้งมันหรือไม่?







ที่มา http://www.muslim.or.id/ ประพันโดย..yulian purnama
แปลโดย...บินต. อับดุลมาลิก มูเก็ม

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ความรัก vs อารมณ์ และบาป

ความรัก vs อารมณ์ และ บาป

ฉันยังจำได้ในวันหนึ่งเธอได้ถามฉันว่า.....
“ทำไมเธอถึงตราตรึงในทุกความคิดของฉัน,รอยยิ้มบนแก้มของเธอตีตราลงบนใจฉัน”
“เพียงเพราะว่าฉันต้องการให้เธอได้รับรู่ถึงความรักอันท่วมท้นที่ฉันมีให้ทั้งหมดนี”
เธอก็เพียงแค่พยักหน้าตอบรับมัน

หนึ่งอาทิตย์ที่แสนยาวนานนั้นได้ผ่านไปเธอก็ได้แต่ถามฉันอีกว่า....
“ทำไมเธอถึงได้กอดฉันแนบแน่นที่อ้อมแขนของเธอ?”
“เพียงเพราะว่าฉันเพียงต้องการให้เธอคลายหนาว ให้ความอบอุ่นแก่เธอ เพราะเธออันเป็นที่รักของฉัน”
เธอก็เพียงยิ้มอย่างอ่อนหวาน

เมื่อวันก่อนเธอก็ได้ถามฉันอีกว่า......
“ทำไมเธอถึงได้อยากใกล้ชิดฉันเหมือนจะกลืนกินฉันลงไป”
“เพียงเพราะว่า ฉันต้องการให้เธอได้สัมผัสกับลามหายใจของฉัน ที่มันเข้าออกเพราะต้องการเพียงเธอ”
เธอก็เพียงทำหน้าออดอ้อน,แล้วหลบสายตา

เมื่อเสี่ยววินาที ที่ผ่านมาเธอก็ได้ถามขึ้นมาอีกว่า......
“ทำไม่เธอถึงปฏิเสธฉันได้ง่ายนัก เธอได้ฆ่าฉัน ได้ฉีกใจของฉัน ได้ทรมานฉัน”
“เพียงเพราะฉันเพียงแต่ต้องการรู้ ว่า อะไรที่ทำให้เธอต้องทรมาน เจ็บปวด ในหลุมฝังศพในเมื่อเราได้ผ่านอะไรด้วยกันมาเหมืนๆกัน?”
และสีหน้าของเธอก็ซีดเผือกและยิ่งดูอ่อนแรงลงเรื่อยๆ


“เพราะที่แท้จริงมีผู้คุ้มกันรักษาพวกเจ้าอยู่ คือ (มะลาอีกัต) ผุ้ทรงเกียติเป็นผู้บันทึก พวกเขารู้ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ แท้จริงบรรดาผู้ทรงคุณธรรมนั้นจะอยู่ในความโปรดปราน และแท้จริงบรรดาคนชั่วจะถูกอยู่ในนรกที่ลุกโชดโชน” (ซูเราะฮฺ อัลอิมฟิฏอร Al-Infitar 10-14)

“โอ้คนหนุ่มสาวทั้งหลาย ใครก็ตามในหมู่สูเจ้าที่มีความสามารถ ก็จงแต่งงานซะ เพราะแท้จริงแล้วการแต่งงานนั้น จะเป็นสิ่งปกปิดจากการมองและการถูกนินทาให้มีมลทิน จากสิ่งที่เป็นที่ไม่พึงหระสงค์ของศาสนา(มะเซียต) และผู้ใดก็ตามที่ไม่สามารถจะทำเช่นนี้ได้ ก็จงถือศิลอด(บวช)
เพราะการถือศิลอดนั้น จะทำให้ชัยฏอนนั้นอ่อนแรงลงได้” ( ฮาดิษ อัลดิลละ บิน มุสอับ, กล่าวโดยท่านรอซุ้ล ซล.)

“และผู้ใดที่กระทำความชั่วหรืออธรรมแก่ตัวเอง แล้วเขาขอภัยโทษต่ออัลลอฮ เขาก็จะพบว่าอัลลอฮ เป็นผู้ทรงอภัยโทษเป็นผู้ทรงเมตตา” (ซุเราะห์ อัลนิซาอ.)


ที่มา
http://www.wattpad.com/92073ฤ

วันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บทความ :กุหลาบไร้หนาม

กุหลาบที่ไร้หนาม

ผู้หญิงมิได้ถูกสร้างมาจากศรีษะเพื่อที่จะสูงกว่า
นางมิได้ถูกสร้างมาจากเท้าเพื่อที่จะต่ำกว่า
แต่นางถูกสร้างมาจาก สีข้าง
ใกล้หัวใจเพื่อที่จะถูกรัก
ใกล้อ้อมแขนเพื่อที่จะถูกปกป้อง

เมื่อไหร่ก็ตามที่มีชายที่ซอลิฮ์และพ่อแม่ทั้งสองสามารถที่จะเชื่อในความดีและความซอลิฮ์ของเขาได้และกลางระหว่างเจ้าทั้งสองนั้นก็มีอีม่าน ดังนั้นจงรับเขาคนนั้นและฝากที่เหลือไว้กับพระเจ้า (ตะวัคกัล) .จงยึดถือแนวทางของท่านรอซุ้ล ย่างแน่วแน่และเชื่อมั่น สายรายงาน จาก ติรมิซีย์

เมื่อไหร่ก็ตามที่มีชายที่นางเชื่อมั่นและเชื่อถือได้ในศาสนาและความอีม่านของเขา รวมไปถึง ความซื่อสัตย์ของเขา
ดังนั้นเจ้าจงตอบรับเขาคนนั้น.เพราะถ้าหากว่าการสู่ขอได้ถูกปฏิเสธ, ดังนั้นเจ้าจงรอผลที่จะตามมาคือฟิตนะที่บนผืนแผ่นดินนี้และความเสียหายอันยิ่งใหญ่ที่จะตามมา.

ในทุกๆขั้นตอนของเลือกสรร “การทดสอบ” รวมไปถึงหลักเกณฑ์ของว่าที่สามี นางได้กระทำแล้ว จะเป็นการดีหากได้ถูกเลือกจากผู้ที่นับถือและเชื่อถือได้ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือผู้ที่มีความยำเกรง , ดังนั้นไม่มีอีกแล้วที่จำเป็นต้องสงสัยในการที่จะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับเขาคนนั้น.

จงขอบคุณอัลลอฮให้มากที่พระองค์ทรงพระทานคู่ครองที่ดีแก่พวกท่าน , ดั่งเช่นสิ่งที่จะถูกเติมเต็มจากศาสนา และความสงบในชีวิตของพวกท่าน. ท่านจงเป็นคนพิเศษและดีที่สุดในใจของสวามีอันเป็นที่รักของพวกท่าน. การตออัตเชื่อฟังสามีก็เปรียบเสมือนกับว่าเรา ตออัต ต่อ อัลลอฮ ซ.บ ด้วยเช่นกัน.ด้วยดหตุผลที่ว่า ขณะที่พวกท่านได้ทำหน้าที่ภรรยา นั้นก็หมายความว่า สวรรอยู่ใต้ฝ่าเท้าสามีอันเป็นที่รักของพวกนาง. จงขอดุอา และขอพรจาก พระองค์ ,เพื่อให้พระองคืทรงมอบความเข้มแข็งแก่ตัวท่านเพื่อที่จะเป็นภรรยาที่ดีและเป็นสตรีที่ซอลิฮสำหรับอามานะ การเป็นภรรยาที่ดีต่อสามีของพวกนาง.

แต่ทวา ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะโชคดีเสมอไป อัลลอฮพระองค์ได้ทดสอบพวกเราทุกคนตามความสามารถที่เราคนใดคนนึงจะรับการทดสอบที่แตกต่างกัน.นั้นคือการงานและฮิกมะ(ข้อดี) จาก อ.ล เราเป็นเพียงบ่าวที่สามารถทำได้เพียง ปฏิบัติตาม และ เรฎอ (ยินดี) ต่อสิ่งที่พระองค์หยิบยื่นให้ เพราะพระองค์คือ ผู้ทรงรอบรู้. ไม่ใช่ยอมรับกับบททดสอบด้วยจิตใจที่ ท้อแท้และเศร้าหมอง , เราเป็นเพียงมนุษย์และบ่าวที่อ่อนแอ สิ่งที่เราทำได้นั้นก็เพียงแค่ วางแผน พยายาม ปฏิบัติ และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดตามกำลังความสามรถ หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของพระองค์ เราก็ต้องฝากทุกสิ่งไว้กับพระองค์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างพระองค์อัลลออ์ได้ทรงกำหลดไว้แล้วทั้งสิ้น

ถึงแม้บางครั้งเราจะถูกทดสอบเหมือนตบมือข้างเดียว , บางครั้งการตบมือก็ได้ตอบรับที่ดี ,แต่บางครั้งครอบครัวก็มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจ หากแม้พวกเขาได้แทรกแซงและเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจ , ปรากฏว่าอัลลออฮยังไม่ต้องการมอบให้แก่เราในสิ่งที่เราต้องการ , เพราะว่าสิ่งนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา . แล้วเราจะทำอย่างไรต่อจากนี้......

พวกท่านจงเข้มแข็งและอดทน เพื่อที่จะปกป้องตัวพวกท่านให้พ้นจาก ฮาวา นัฟซู และจงห่างไกล จากผวงแห่ง ความรัก อันจะนำพาพวกท่านไปสู่ การเป็นเครื่องมือของชัยฏอน ที่พวกมันจะสร้างความพินาศแกลูกหลาน อาดัม. อย่างที่ทราบกันดีว่าควรเข้มแข็งมากแค่ไหนทีพึงจะมีในตัวของมุสลิมะซอลิฮคนนึง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความรักที่ไม่บริสุทธิ์ก่อนที่จะ นิกะ.


ระหว่างความเข้มแข็งที่พึงจะมีและปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา , คือ

1. อยู่ในกฎและเงื่อนไขของศาสนาอยู่ตลอดเวลา หรือ ทำตัวเป็น มุสลิมะที่ ซอลิฮอยู่ในกรอบที่เหมาะที่ควร. ตรวจเช็ค คุณค่าของตัวเองด้วย ความบริสุทธิ์คุณค่ามุสลิมะซอลิฮ . วิธีการ?
_ ไม่หวั่นไหว , ออ่นไหว และ ปล่อยตัวปล่อยใจ ให้โดนยั่วยุ.ไม่สนและไม่ใส่ใจต่อสิ่งที่ ยั่วใจ ไม่ว่าจะเป็น การ เขียนข้อความ , อีเมล , โทรศัพท์ หรือ อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสื่อในการสานต่อความรัก ต้องห้ามดังกล่าวข้างต้น , ลองนึกดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากท่านได้ห้าใจตัวเองไมได้ ( ไม่ต้องไปใส่ใจว่าใครจะพูดยังไง ขอให้เราบริสุทธิ์ใจก็คงเพียงพอแล้ว)
_ดูแลรักษาอิบาดัต ทั้งกาย วาจาและจิตใจ . อย่าปล่อยใจให้ยึดติดกับทัศนคติเดิมๆ , ใจลอย หรือ เหม่อลอย , แต่เราสามารถ แก้ได้ด้วยการ ซิกิร และ ทำอิบาดัต อื่นๆ เช่น ถือศิล หรือ ท่องจำ กุรอาน . อย่าปลอ่ยใจให้คืดไปในสิ่งที่ไร้สาระ ,เพียงเพราะว่าจะทำให้มีช่องว่างที่สามารถทำให้ ชัยฏอน เข้ามาแทรกในใจคนเราได้
_รักษาเกียติความเป็นกุลสตรี จากแง่มุมของการปฏิสัมพันธ์ หรือความสัมพันธ์ในแง่มุมต่างๆ. ปกปิดร่างกายอย่างที่อิสลามได้กำหนดไว้ รวมไปถึงขอบเขตระหว่างหญิงชาย. อย่าทำให้เรื่องปกปิด อาวเราะ เป็นปกติ หรือเรื่องง่าย.อย่าหยอกล้อกันเกินงาม ,
_ยึดถือ อายัต กุรอาน ที่กล่าวถึง การห้ามเข้าใกล้ ซินา , หลีกเลี่ยงการพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆผู้ชาย หรือปล่อยให้ตัวเองอยู่สังคมที่ไม่ดี

2. ยึดถือแนวทางและหน้าที่การเป็นมุสลิมะที่ซอลิฮะ สมบูรณ์แบบ ชักเจน ในเรื่องของความรักๆไคร่ๆ ต่อสายตาบุคคลอื่นๆ .มองคุณค่าของความรัก เพียงเพื่อสามี , หากแต่เราจะไม่มอบความรัก ความจงรักภักดี ความ เป็นห่วงเป็ยใยที่จะนำพามายังฟิตนะต่างๆ แก่คนใดคนนึงที่ไม่แน่นอนว่าจะใช่สามีเราในอนาคตหรือเปล่า . ปล่อยให้คนอื่นเขามองเราว่าเป็นคนหยิ่งหรือ ถือตัว เพราะแท้จริงแล้วความรักของเรานั้น แพงและมีค่ามากกว่านั้น.

สิ่งที่ถูก , ก็มักจะง่ายที่จะถูกทิ้ง , แต่ว่าบางสิ่งที่แพงก็ควรค่าแก่การรักษา . ความรักก็เป็นเช่นนั้น.จงปลูกความรู้สึกในจิตใจของเรา,เราจะรักใครสักคนไม่ใช่เพียงเพราะสนุกสนานอยากจะรักใครก็ได้ ,ไม่ใช่รู่สึกสนุกสนานไปวันๆเมามายในความรักเพียงเพราะคนๆนึง ,แต่ว่าความรักของเรานั้นคือสิ่งที่เราปรารถนาจะพาไปจนถึงการสร้างครอบครัว ที่จะนำพาเราไปด้วยกันยังสวรรค์ ในโลกหน้า.


ความหมายที่แท้จริงที่เราพึงจะเข้าใจ
“เพียงแค่ความรักที่คู่ควรและมีสิทธิ์ที่จะนำเราสู่สวรรค์เท่านั้น ที่เราต้องการที่จะไปใช้ในชีวิตของเรา”


ซุเราะ อัน นูร อายัต 26 :ได้กล่าวไว้ว่า
الْخَبِيثَاتُ لِلْخَبِيثِينَ وَالْخَبِيثُونَ لِلْخَبِيثَاتِ وَالطَّيِّبَاتُ لِلطَّيِّبِينَ وَالطَّيِّبُونَ لِلطَّيِّبَاتِ

ที่แปลว่า....

หญิงชั่วย่อมคู่ควรกับชายชั่ว และชายชั่วย่อมคู่กับหญิงชั่ว และหญิงดีย่อมคู่ควรกับชายที่ดีและชายที่ดีย่อมคู่กับหญิงที่ดี

ลองมองและทำความเข้าใจกับอายัตนี้อย่างถ่องแท้, และเราเองก็พึงปฏิบัติด้วยใจอิคลาส .เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่เราจะปกป้องตัวเราเองจากซินา ,ทางเลือกที่ดีและถูกต้องที่สุดก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ถ้าหากว่าเราประสงค์ที่จะครอบครัว ผู้ชายที่ ซอลิฮ์ ดังนั้นเราก็จงทำตัวให้เป็นสตรีที่ซอลิฮฺก่อน .แท้จริงอัลลออฮ ทรงกำหนดไว้แล้ว จงมั่นใจได้ว่าสิ่งที่พระองค์กำหนดให้เป็นคู่ครองเรานั้น ทรงยุติธรรมและคู่ควรที่สุดแล้ว.

3.ดุอาและขอภาวนาต่อเอกองค์อัลลอฮให้เราห่างไกลจากสภาวะของผู้ที่ขาดทุน และหลุดพ้นจากไฟนรก.เพราะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะอภัยแก่บ่าวของพระอวค์และเมตตาแก่มวลมนุษณ์ชาติได้เทียมเท่าพระองค์

จงเป็นมุสลิมะที่แท้จริงทั้งภายนอกและภายในเปรียบดั่ง กุหลาบเต็มไปด้วยหนาม. กลิ่นของมัน หอม รัญจวน งดงาม หักห้ามใจจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติของผู้หญิงธรรมดาๆคนนึง .แต่บทบาทของหนามนั้นอย่าปล่อยให้ไร้ค่า.หนามของมันเปรียบดั่งเกราะป้องกัน ที่จะปกป้องรักษากุหลาบดอกนี้เอาไว้จากภัยอันตรายของชัยฏอน.

จงจำไว้ โอ้ พี่น้องมุสลิมะอันเป็นที่รัก.....

เรามีเกียติเพราะ อิสลาม , และอิสลามนั้นได้วางสตรีไว้ ณ. ที่ที่สูงส่ง เราจงอย่าทำให้ตัวเราเองตกต่ำลง

จงจำไว้เช่นกันโอ้พี่น้องมุสลิมะอันเป็นที่รัก

จงช่วยพี่น้องมุสลิมะของเราให้ ยังคงอยู่ ณ. ที่ที่สูงคู่ควรแก่หารยกย่อง. ช่วยนำพาพวกเขามายังหนทางที่ผู้หญิงที่ซอลิฮคนนึงพึงกระทำ ,คู่ควรแก่ความต้องการของอิสลาม เพราะแท้จริงแล้วท่านไดช่วยเหลือตัวท่านเอง.

อ้่างอิง munshiroh
แปลโดย บินต. อับดุลมาลิก

นิยายรัก ฉบับอิสลามมิค :กุหลาบซ่อนหนาม

นิยาย :ความงดงามของกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนาม

“คาซีนาตุล อัซรัร” คาซานา (สิ่งเป็นความลับ)
หญิงสาวคนนึง ที่ปกปิด และเก็บความงาม ,ความบริสุทธิ์ไว้ในจิตใจ ที่มีความยำเกรงและ รัก ต่อ อิลาฮี ถึงแม้จะมีม่านแห่ง อาวรัต ที่ปกปิดตัวของหล่อน.แม้หล่อนจะเป็นที่ปรารถนาหมายปองของบรรดา ชายและบุรุษหลายคน แต่ทว่ามุมมองความรักของเธอที่ยึดมั่นอยู่นั้นก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไม่ง่ายเลยที่ใครก็ตามต้องการจะเป็นเจ้าของ กุหลาบดอกนี้.หล่อนยังคงเชื่อมั่นในมุมมองความรักที่ยึดไว้ด้วยใจที่เข้มแข็งถึงแม้บางครั้งความรักจะเข้ามาถามหาและ ปรารถนาในตัวของเธอเพียงใด.คาซีนาตุล อัซรัร เธอได้รับความแตกต่างที่แสนพิเศษเพียงเพราะสิ่งถูกปิดบังเป็นความลับนั้นคือรักที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า รักที่บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ มุมมองของความรักซึ่งมีอิทธิพลต่อหล่อนเป็นสาเหตุที่ทำให้หล่อนหลุดพ้นจากสิ่งต้องห้ามและบาปอันเป็นที่ไม่พึงประสงค์ของศาสนา.
อะไรคือมุมมองความรักของ คาซีนาตุล อัซรัร ที่แท้จริง?
จริงหรือที่เราจะรักผู้ชายสักคนเพื่อ อิลาฮี เพื่ออัลลอฮ ?
แล้วเหตุไฉนกันเหล่าผู้ชายทั้งหลายถึงได้เลือกที่จะครอบครอง กุหลาบที่ แรกแย้ม บานสะพรั่งและสีสันสวยงามในสวนดอกไม้นั้น?และอีกหลายๆคำถามที่ยังต้องการคำตอบว่าทำไม....จวบจนในทีสุดก็ไดปรากฏชายผู้ที่อัลลฮได้เลือกไว้แล้วสำหรับกุหลาบที่เต็มไปด้วยหลามดอกนี้,ผู้ที่จะเป็นผู้เปิดเผยถึงร้อยพันความลับอันบริสุทธิ์ที่ผู้ปิดบังไว้ภายม่านหัวใจซึ่งเป็นกุญแจ ของความรัก ในใจ คาซีนาตุล อัซรัร.อย่างไรก็ตามท้ายที่สุด คาซีนาตุล อัซรัร ก็ได้มีผู้ที่คู่ควรได้ครอบครงหล่อนไป.
แล้วใครกันที่จะเป็นผู้ที่จะสามารถพิชิตหนามของกุหลาบดอกนี้ได้?


“คาซีนาตุล อัซรัร, เธอคือจอมขโมย!”

คาซีนาตุล อัซรัร หล่อนถึงกับอึ้งเมื่อได้อ่านข้อความที่เขียนบนโน้ตสีฟ้าใบเล็กๆใบนั้น ที่เหน็บอยู่ในหนังสือ วิชา อูศุลฟิก ของเธอ. คำถามเป็นร้อยวิ่งเข้ามาในสมองของเธอ “ฉันไปขโมยอะไรมา”หล่อนแอบคิดในใจด้วยความรู้สึกสงสัยและงวยงง.พลางหล่อนก็ทอดสายตามองไปทั่วๆห้องเรียน,เพื่อหาสายสักคู่ที่อาจจะจับจ้องมาที่โน้ตที่เธอถืออยู่ เพื่อบ่งบอกว่าใครคือเจ้าของ แต่หล่อนกลับมอไม่เห็น สายตาคู่ใดที่จับจ้องมาที่ หล่อนเลยสักคนเดียว ที่มีปฏิกิริยาที่บอกว่า เป็นเจ้าของข้อความบนกระดาษแผ่นนี้ ต่างคนต่างก็ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง. “ช่างมันเถอะ”! หล่อนบ่นในใจอีกครั้ง . หล่อนไม่ต้องการที่จะคิดมากเรื่องโน้ตปริศนาแผ่นนี้ ถึงแม้จะเกิดคำถามมากมายในใจของหล่อน . คาซีนาตุล ดึงแขนเสื้อขึ้นเล้กน้อยเพื่อดูเวลาที่ข้อมือของหล่อน ขณะนี้เวลา 08.50 น. เหลือเวลาอีกแค่ สิบนาที ก่อนที่ คลาส วิชา อูศุลฟิก จะเริ่มขึ้น.อีกสักครู่ ดร.มัยซาเราะ ที่เป็นอาจารย์ประจำวิชานี้ก็คงจะถึงมาที่ห้องเรียนของหล่อน เพือเริ่มการเรียนในเช้าวันนี้. ไม่กี่อึดใจ อาจารย์ประจำวิชาก็เดินทางมาถึงหน้าห้องเรียน ด้วยสีหน้าที่มักคุ้นกันดี หญิงสาว อายุราวๆ 40 ต้น. อาจารย์เข้าประจำที่ของเธอที่หน้าห้องเรียนและการเรียนการสอนก็พร้อมที่จะเริ่มขึ้น เมื่อคาซีนาตุล สังเกตก็เพิ่งจะเห็นว่าเก้าอี้ตัวข้างๆหล่อนนั้น ยังคงว่างเปล่า.
“ฮิจรียะห์ไปไหน?”คาซีนาตุล ถามตัวเองเบาๆ หล่อนได้ทอดสายตามองไปรอบๆห้องเรียนและสอดสายตาผ่านประตูออกไปเพื่อมองหาเพื่อนร่วมห้องของเธอ, “ฮิจริยะห์ อาจจะไม่สบาย...สงสัยจะมาเรียนไม่ได้วันนี้. แต่ว่า...เขาจะไม่สบายจริงๆนะหรอ? ถ้าหากป่วยนิดๆหน่อยๆ ก็คงไม่ถึงกับขาดเรียน,ฮิจริยะ ไม่ใช่คนที่จะขาดเรียนง่ายๆ” คาซีนาตุล นึกในใจ พลางแอบรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนของเธอขึ้นมาทันที.
“ฮิจริยะห์ ไม่มาหรอวันนี้? ผมนั่งตรงนี้ได้มั้ยครับ?
มโนภาพของคาซีนาตุล หยุดชะงักลงทันที ที่ได้ยินเสียงทักดังขึ้น ,คาซีนาตุล หันไปมองเจ้าของเสียงที่ทักเธอเสมือน คนคุ้นเคย คาซีนาตุล เงียบโดยที่เธอไม่ได้ตอบโต้ เขาแต่อย่างใด , คาซีนาทำได้เพียง อิซติฆฟาร ยาวๆพร้อมกับถอนหายใจลึกๆเหมือนหล่อนได้เห็น ใบหน้าของชายหนุ่มเจ้าของเสียงนั้น คือ นักศึกษาต่างชาติคนหนึ่ง ยืนอยู่ไม่กลจากที่เธอนั่งอยู่นั้นเอง. ที่แท้ก็คือชายหนุ่มผู้ที่ไม่เคยที่จะเลิกตื้อและตอแยหล่อนตลอด ทั้งๆที่คาซีนาตุลไม่เคยแม่แต่จะ ใส่ใจอะไรในตัวของเขาเลย,
เหล่าบรรดานักศึกษาที่อยู่ในห้องเรียนก็พร้อมที่จะเริ่มบทเรียน, คณะอิสลามศึกษา,ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาฟังที่อาจราย์กำลังสอนและ ใส่ใจอยู่.
“ทำไมนั่งคนเดียวได้ละครับวันนี้?ฮิจริยะห์ไปไหนหายไปไหนละครับ?” ชายหนุ่มคนนั้นได้เริ่มต้นการสนทนาด้วยน้ำเสียงที่ อ่อนโยน ในขณะที่ อาจารย์กำลังทำการสอนอยู่หน้าห้องแท้ๆ, คาซีนาตุลเริ่มรู้สึกถูกรบกวนด้วยการถูกชักชวนสนทนาขณะกำลังเรียนอยู่...
ใบหน้าคาซีนาตุลเริ่มแดง และ อึดอัดในปฏิกิริยา ของชายหนุ่ม..อัซตัฆฟิรุลลอฮ
“ขอมาอัฟนะค่ะ เรากำลังอยู่ในห้องเรียนค่ะ กรุณาให้เกียติอาจารย์ด้วยค่ะ” คาซีนากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ปน ด้วยซีเรียส กับชายหนุ่มคนนั้น , เธอไม่เปิดโอกาสแกเขา ที่ต้องการหาโอกาศเข้าหาเธออยุ่ทุกวิถีทาง เธอยังคงสนใจอยู่กับอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง และบทเรียนของเธอโดยไมได้ใส่ใจเขา , ภาพของฮิจริยะ ก็พลันเข้ามาในสมองของ คาซีนา ถ้า เพื่อนของเธอมาเรียนด้วย ชายหนุ่มคนนี้ คงไมได้มานั่งกับเธอเช่นนี้ , แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนขอเธอเมื่อเช้า ฮิจริยะ ก็แต่งตัวมาเรียนตามปกติ ไม่มีท่าทีว่าฮิจริยะจะไม่สบาย แล้ว หล่อนหายไปใหนกัน?
คาซีนาเริ่มรู้สึกผิด ถ้าฉันมาเรียนพร้อม ฮิจริยะก็คงจะดีสินะ หล่อนแอบพูดกับตัวเองเบาๆ ไม่ใช่เพราะอะไรแต่เพราะว่า ฮิจริยะ ชอบมาสายอยู่ประจำ จนบางครั้งก็ทำให้คาซีนา ต้องพลอยมาสายไปด้วย , และอาจจะมาไม่ทันเข้าเรียนด้วยซ้ำ . ชายหนุ่มคนนั้นเริ่มรู้ตัวว่า คาซีนาตุล ไม่พอใจกับปฏิกิริยาของเขา , เขาเงก็เริ่มหันไปให้ความสนใจเรื่องเรียนแทนในทันที ซึ่งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะโดนคาซีนา พูดเชิงติ พฤติกรรมที่ไม่รู้จักที่ และเวลา ในการพูดคุย , เมื่อมีโอกาสเขามักจะเข้ามาหาและพูดคุยกับเธออยู่ตลอดเวลา , และคาซีนาก็มักจะแสดงอาการไม่พอใจด้วยวิธีที่อ่อนโยนและสุภาพกลับไปทุกครั้ง , แม้กระทั่งครั้งแรกที่ทำความรู้จักกัน , คาซีนาไม่เคยให้แม้แต่รอยยิ้มหวานๆแก่เขา , แต่ทว่า ซาบิท (ชื่อของชายคนนั้น) คือเด็กหนุ่มคนนึงไม่เคยรู้จักกับคำว่า เหนื่อยและเบื่อหน่ายที่จะเลิก ตื้อ คาซีนา ,ความสุภาพ ,อ่อนโยน,ความสวยงาม,อัคลาคและบุคลิคของคาซีนาตุล ได้หลอมละลายความ รู้สึกต่างๆเหล่าจากใจของ ซาบิทไปหมดแล้ว คาซีนาตุลได้เข้าไปอยู่ในทุกอณูความคิดของ ซาบิทแม้ในเวลากลางวันหรือกลางคืน ภาพของเธอที่อ่อนโยน ใส่ฮิญาบผืนใหญ่ปกปิดร่างกายอาวรัตของเธอ บวกกับ บายะห์(เสื้อยูบะห์)ยาวทั้งตัว เหมือนดั่งสิ่งที่ถูกตกแต่งให้ดูสวยงามในชุด มุสลิมะที่ ซอลิฮ ตามแบบฉบับ ซุนนะห์ ,หล่อนคือมุสลิมะที่สมบูรณ์แบบจริงๆ.

“พรุ่งนี้เราจะมีการพรีเซ้นท์ เรื่องนี้กันนะค่ะ อัสลามมุอาลัยกุม” อ.มัยซาเราะ กล่าวก่อนจะปิดคลาสคาบของหล่อนไป.
“อัซตัฆฟิรุลลอฮัลอาซีม...ฉันได้อะไรบ้างในห้องเรียนวันนี้?”คาซีนาอุทารขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ซาบิทที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อได้ยินคาซีนา กล่าวเช่นนั้นก็หันมามอง คาซีนา ทันที “ทำไมหรอ อัซรัร” ซาบิทรวบรวมความกล้าแล้วยิงคำถามกับ คาซีนาอีกครั้ง
“อือ ไม่มีอะไรค่ะ” คาซีนาตอบคำถามแบบไมได้ใส่ใจอะไรแล้วหล่อนก็รีบๆเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว.
“ผมรู้คุณยังไม่ได้จด โน้ตที่อาจารย์สอนไปเลยใช่ไหมครับ? คุณกำลังคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่ ผมเห็นคุณใจลอยอยู่ตลอดเวลาใช่มั้ยครับ?” ซาบิทลองเดาดู , เพราะว่าตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มบทเรียนจนจบการเรียนคลาสนี้ ซาบิทก็จีบจ้อง ทุกอิริยาบถ ของ คาซีนา. คาซีนาไม่พูดอะไรตอบหล่อนรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่หล่อนนั่งอยู่ อย่าลุกลี้ลุกลนเพื่อที่จะจบการสนทนาที่ไม่พึงประสงค์นี้สักที.
“มาอัฟค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว” หล่อนกล่าวเพียงสั้นแล้วรีบปลีกตัวออกจากที่นั่ง
“เห้อ !!! ทำไมหยิ่งจังเลยละครับ” ซาบิทพูดขึ้น
“หยิ่งก็หยิ่งค่ะ แล้วแต่คุณจะคิด....thaks” คาซีนาตุลตอบแค่นั้น แล้วเดินผ่านหน้าซาบิทไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวก่อนครับ” ซาบิทเข้ามาขวางไว้ . คาซีนา ลดสายตาลงต่ำไม่มองแม่แต่หน้าของเขา คาซีนาไม่แม้แต่จะสบสายตากับ เด็กหนุ่มสายเลือด ลูกครึ่งมลายู เลบานอน คนนี้, คาซีนาเพียงแค่สูดหายใจลึกๆด้วยความเหนื่อยกับ ท่าทีของซาบิท รู้สึกโกรธนิดๆที่ถูกขวางทางเดิน คาซีนา ได้แต่ซิกิรอยู่ในใจ
“อือ ถ้าเธอไม่ว่าอะไร เอาโน้ตของผมไปจดก่อนก็ได้นะครับ” ซาบิทยื่นสมุตโน้ตสีฟ้าอ่อนเล่มหนึ่งให้กับคาซีนา,
“ขอบคุณค่ะแต่ไม่เป็นไรค่ะฉันค่อยไปยืมสมุดโน้ตเพื่อนๆผู้หญิงคนอื่นได้ค่ะ” คาซีนาตอบ พร้อมกับไม่ยอมรับโน้ตเล่มนั้นไว้
“ถ้าอย่างนั้น เธอช่วยเอาสมุตโน้ตของผมเล่มนี้ไปให้ ฮิจริยะ จดก่อนก็ได้ครับ” ซาบิท ยังคงพยายามอีกครั้ง.ซาบิททราบดีว่า ฮิจริยะ พักอยู่ห้องเดียวกับ คาซีนาตุล เขายังคงหาวิธีเพื่อสร้างมิตรกับหล่อน.
“ขอบคุณ คุณอีกครั้งนะค่ะแต่ฉันคิดว่า ฮิจริยะเองก็คงต้องแชร์โน้ตเดียวกับฉันได้เช่นเดียวกันค่ะ ทางที่ดีคุณเอาโน้ตของคุณคืนไปแล้ว เตรียมพร้อมสำหรับการพรีเซ้นท์พรุ่งนี้จะดีกว่านะค่ะ” คาซีนาตุล พูดด้วยน้ำเสียงเข้มแต่ สุภาพอีกครั้ง
“เห้อ , นี้คุณทำไมคุณถึงหยิ่งแล้วปฏิเสธแบบนี้ละครับ ไม่ดีรู้มั้ยครับ ทำหยิ่งใส่คนอื่นแบบนี้ อัลอลฮไม่ชอบคนที่ทำตัวหยิ่ง ,ต้องให้ยกหลักฐานให้ฟังหรือครับคุณถึงจะเข้าใจ” ซาบิทเริ่มหมดความอดทนต่อคาซีนาตุล ที่ปฏิเสธทุกความช่วยเหลือของเขา
“อย่ามาอวดยกหลักฐานเลยค่ะ , ดูจากสถานการณ์แล้ว ,อัลอลฮคงไม่ชอบพฤติกรรมของคุณมากกว่า”
คาซีนาตุลพูด ตัดพ้อ เพื่อให้การสนทนาจบๆเสียที
“คุณไม่เต็มใจและไม่ต้องการเอาโน้ตของผมไปดู แล้วคุณก็หาข้ออ้างต่างๆนาๆเพือ่ปฏิเสธผม ,ผมแค่ให้
อามานะ คุณช่วยเอาโน้ตของผมไปให้ฮิจริยะเท่านั้นเอง” ซาบิทพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน พลางก็วางสมุดโน้ตเล่มนั้นไว้บนโต๊ะ แล้วรีบพละตัวออกทันที. คาซีนาตุล หันไปมองเขา แล้วก็ส่ายหัวไปมาด้วยความดื้อดันของ ซาบิท หล่อนรู้สึกเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมของซาบิทที่พยายามยัดเยียดสมุดโน้ตให้หล่อนทั้งๆที่หล่อนไมได้ต้องการหรือขอร้องเลย. ทำยังกับว่า จดโน้ตอยู่คนเดียวในห้อง , หลังจากที่คาซีนาครุ่นคิดอยู่สักพักหล่อนก็ยอมถือสมุดโน้ตของซาบิทกลับไปให้ ฮิจริยะ ด้วย “อามานะ” ที่ซาบิท เสนอแกมบังคับและ ยัดเยียดให้เธอจึงจำเป็นต้องทำ.
คาซีนาเริ่มคิดถึงเรื่องฮิจริยะเพื่อนคนสนิทของเธออีกครั้ง หลังจากที่คาใจอยู่ตั้งแต่ในห้องเรียน , เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจของคาซีนาตุล ฮิจริยะ ไม่เคยขาดเรียนอย่างเช่นที่ขาดเรียนวันนี้ , ในฐานะที่เป็น เพื่อนร่วมห้องและร่วมหอเดียวกัน คาซีนาต้องการจะทราบถึงเรื่องราวของฮิจริยะเป็นอย่างมาก ปนกับความข้องใจของหล่อน . หรือ ฮิจริยะจะไม่สบายจริงๆ?คาซีนาเริ่มคิดมากและฟุ้งซ่านถึงเพื่อนของหล่อนที่หายไป ความรู้สึกผิดเริ่มก่อตัวขึ้นในใจคาซีนาตุล ฉันน่าจะรอฮิจริยะก่อน ก็หล่อนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการมาเรียนแต่เนิ่นๆ พักหลังๆนี้เหมือนไม่ค่อยได้ใส่ใจเพื่อน (ฮิจริยะ) หรือเปล่านะ.? ด้วยภาระหน้าที่ของคาซีนาที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลาในฐานะ ตัวแทนนักศึกที่มหาลิทยาลัยนานาชาติ แห่งนี้ จึงทำให้งานรัดตัว จนแทบไม่มีเวลาเลยก็ว่าได้. ไม่ว่าจะ ลงแรงกาย แรงใจ ทุ่มทุน ทุกอย่างคาซีนาก็ไม่แคร์ หล่อนทำทุกสิ่งอย่างเต็มที่
เวลากลางคืนคาซีนาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเข้าไปห้องสมุด ทบทวนบทเรียน สำหรับคาซีนาแล้ว การพักผ่อนไม่ใช่เรื่องสำคัญในชีวิตของเธอมีสิ่งที่ต้องทำอีกเยอะแยะมากมาย
หล่อนได้เอาคำกล่าวของ ท่าน อะซัน อัล บันนา เป็นบรรทัดฐานในการ ดำเนินชีวิตในส่วนหนึ่ง
อย่างที่ ท่าน ฮาซันได้กล่าวไว้ว่า
“ สิ่งที่จำเป็นจะตองทำนั้นมีมากว่า เวลาที่ท่านมีซะอีก”

โปรดติดตาชม ตอนต่อไป

บินต. อับดุลมาลิก ^_^