วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เมื่อสิ่งที่อิสลามได้สั่งห้าม

เมื่อสิ่งที่อิสลามได้ห้าม....


อิสลามที่ถูกนำพามาโดย มูฮัมหมัด ซล. สิ่งมาพร้อมกับเราะมัต ความสว่างแก่โลกใบนี้ อย่างเช่น อ.ล ได้ตรัสไว้ว่า

وَما أَرْسَلْناكَ إِلاَّ رَحْمَةً لِلْعالَمِينَ

“และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่อสิ่งอื่นใดนอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่ประชาชาติทั้งหลาย” (ซุเราะห์ อัล อันบิยา อายะ 17)

แปลจาก รากศัพท์ภาษา:

الرَّحْمة: الرِّقَّةُ والتَّعَطُّفُ
เราะห์มัตนั้นเปรียบเสมือน ความอ่อนโยน ความอ่อนน้อม ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ”

หรือด้วยความหมายอื่นๆกล่าวคือ “เราะห์มัต” เปรียบเสมือนการได้หยิบยื่นความรัก ดั่งเช่นสรุปโดยรวมคือ การมาของศาสนาอิสลามนั้เหมือนการที่อัลลอฮได้หยิบยื่นความรักแก่บ่าวของพระองค์นั้นเอง.

ความรักดังกล่าวนั้น แปลได้เป็นสองความหมายคือความรักในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ในทั้งหมดของคำสอน
ที่อิสลามได้บอกไว้ รวมไปถึงสิ่งที่อนุมัติ และสิ่งที่ไม่อนุมัติ ดั่งสิ่งที่ อัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า

وَقَلِيلٌ مِنْ عِبَادِيَ الشَّكُورُ

“เพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น บ่าวที่จะขอบคุณต่อพระองค์”

เพราะว่าเรามัวแต่มองภาพของมุสลิมบางส่วนในปัจจุบัน เมื่อมีนักอุลามะ ออกมาฟัตวา อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่อนุมัติ และอนุมัติในอิสลาม แต่ก็ ยังมีบางคนก็ได้ พูดมาโดยไม่เกรงใจ “อะไรนิดๆหน่อยๆก็ห้ามไปซะหมด”แต่ในทางกลับกันเขาไม่ได้มองว่าสิ่งที่อิสลามได้ห้ามไว้นั้นคือสิ่งที่เป็นอันตราย และที่อนุมัติคือสิ่งที่ดีสำหรับมนุษย์ชาติแล้ว

สิ่งที่ไม่อนุมัติคือสิ่งที่ไม่ดีและมีแต่การขาดทุน
เมื่ออิสลามคือ rahmatan lil ‘alamin ดั่งนั้นผลพวงที่จะตามมาคือ คำสอนของอิสลามนำมาแต่สิ่งที่ดีงามแก่มนุษย์และที่สิ่งที่ถูกห้ามคือสิ่งที่ให้โทษแก่มนุษย์ทั้งสิ้น ข้อมูลเหล่านี้ได้ปรากฏชัดเจนใน kaidah fiqhiyyah:

الشَارِعُ لَا يَـأْمُرُ إِلاَّ ِبمَا مَصْلَحَتُهُ خَالِصَةً اَوْ رَاجِحَةً وَلاَ يَنْهَى اِلاَّ عَمَّا مَفْسَدَتُهُ خَالِصَةً اَوْ رَاجِحَةً

ความว่า..
“อิสลามสั่งให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งไดหากแม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดี 100% หรือสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าอย่างชัดเจน และอิสลามจะไม่ห้ามสิ่งนั้นนอกจากว่าสิ่งๆนั้นจะให้โทษ 100%หรือว่าสิ่งนั้นจะเป็นที่ไม่ดีปรากฏอย่างชัดเจน”


เชค อับดุลเราะห์มาน บิน นาชิร อัซ ซาดี ได้กล่าวว่า “กฏหรือคำสอนนี้ได้ครอบคลุมทั้งหมดของหลักคำสอนอิสลามอย่าไม่มีข้อกังขา.ทุกอย่างที่ได้พุดมาทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นสิ่งที่ดีและเอื้อประโยชนืต่อกันไม่ว่าจะเป็นมนุษย์กับ มึมนุษย์ด้วยกันหรือ บ่าวกับอัลลอฮ. ดั่งเช่น อัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า :

إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُ بِالْعَدْلِ وَالْإِحْسَانِ وَإِيتَاءِ ذِي الْقُرْبَى وَيَنْهَىعَنِ الْفَحْشَاءِ وَالْمُنْكَرِ وَالْبَغْيِ يَعِظُكُمْ لَعَلَّكُمْ تَذَكَّرُونَ

“แท้จริงอัลลอฮทรงใช้ให้รักษาความยุติธรรม และทำดี และการบริจาคแก่ญาติใกล้ชิดและให้ละเว้นการทำลามกและการชั่วช้า และการอธรรม พระองค์ทรงตักเตือนพวกเจ้าเพื่อพวกเจ้าจักได้รำลึก” (ซุเราะห์ อัล นะฮล อายะ 90 )

ในอายัตนี้ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าทุกๆความยุติธรรม ความดี และทุกมิตรภาพ ได้ถูกสั่งใช้โดยคำสอนของอิสลามแล้วทั้งสิ้น.ทุกๆความชั่วช้าและความอยุติธรรมที่บ่าวได้กระทำต่อ องค์อัลลอฮ ล้วนเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่ง.สิ่งที่เป็น ตัณหาล่อต่ล่อใจมนุษย์ไม่ว่าจะเป็น ทรัพย์สิน เงินทอง ตำแหน่งหน้าที่ แน่นอที่สุดมันคือสิ่งที่ ชารีอะห์ ได้ห้ามไว้แล้วทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ยังคงตระหนักอยู่เสมอถึงบรรดาบ่าวผู้อ่อนแกของพระองค์เกี่ยวกับความดีและสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสและสั่งสอนไว้ในอิสลาม เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในคำสอน. และพระองค์ก้ได้นึกถึงในสิ่งที่ทรงห้ามโดยศาสนา เพราะนั้นคือสิ่งที่จะให้โทษ กับ บรรดาบ่าวของพระองค์นั้นเอง.

และไม่เป็นที่สงสัยได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆมัคลุค บนโลกนี้ ล้วนตออัต หรอ ปฏิบัติต่อคำสอนนั้น เพียงน้อยนิดเท่านั้น.สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดบนหน้าแผ่นดินนี้ ก็ยังคงถูกนำไปให้แม้จะเพียงนิดนิดก็ตามแต่ แต่ทว่าหากสิ่งดีที่มีอยู่นั้นได้ถูกอนุมัติทั้งหมดไม่ต้องสัยเลยว่าทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้คงจะมีแต่ สิ่งที่อิสลามอนุมัติโดยที่ไม่มี สิ่งที่ ฮารอม หรอสิ่งที่ไม่อนุมัติเลย.
ด้วยเหตุผลนี้อิสลามจึงห้าในสิ่งที่เป็นโทษและไม่ดีต่อมนุษย์แต่กลับส่งเสริมและอนุมัติแต่สิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นดั่งเช่น อัลลอฮได้ตรัสไว้ว่า :

يَسْأَلُونَكَ عَنِ الْخَمْرِ وَالْمَيْسِرِ قُلْ فِيهِمَا إِثْمٌ كَبِيروَمَنَافِعُ لِلنَّاسِ وَإِثْمُهُمَا أَكْبَرُ مِنْ نَفْعِهِمَا

“พวกเขาจะถามเกี่ยวกับน้ำเมา และการพนัน จงกล่าวเถิดว่า ในทั้งสองนั้นมีโทษมากและมีคุณหลายอย่างแกมนุษย์ แต่โทษขอมันนั้นมากกว่าคุณของมัน” (อัล บากอเราะห์ อายะ 219 )

อาจจะมีบ้างบางครั้งคนเราลังเลที่จะ ลดละนิ่ที่ศาสนาได้ห้ามไว้ เพราะอาจจะถือว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมดาสำหรับเขา เหมือนการที่เขาลังเลที่จะไม่ทำการคอรัปชั่นเพราะสิ่งนั้นถ้าทำแล้วก็ได้เงิน.เหมือนคนๆนึงลังเลที่จะกินรับประทานหมูเพียงเพราะว่าเนื้อมันอร่อย เหมือนคนๆนึงลังเลที่จะลังเลที่จะฟังเพลง เพราะมันทำให้ใจร่าเริง สนุกสนาน เหมือนคนๆนึงลังเลที่จะละบุหรี่เพียงเพราะมันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และ อีกหลายๆเหตุผลที่จะนำมาเป็นข้ออ้าง.
จงหันกลับไปมองซิว่า บรรดา ซอฮาบัต ridwanullah ‘alaihim ajma’in, พวกเขาปฏิขัติต่อคำสอนของอิสลามอย่างไรในเรื่องข้อห้ามและ อนุมัติอย่างไร? พวกเขาได้กล่าวไว้ว่า...

نَهَانَا رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- عَنْ أَمْرٍ كَانَ لَنَا نَافِعًا وَطَوَاعِيَةُ اللَّهِ وَرَسُولِهِ أَنْفَعُ لَنَا

“ท่านรอซุ้ลลุลลอ วอลลอลลอฮุอาลัยฮิวาซัลลัม ได้ห้ามเราจากสิ่งหนึ่งที่เราได้เคยปฏิบัติกันมา แต่ทว่าสิ่ที่ท่านได้บอกเรานั้นดีกว่าสิ่งที่เราเคยปฏิบัติม่ก่อนหน้านี้เป็นใหนๆ” (HR. Muslim, no. 4027)


จะเสียหายมากไหมถ้าหากเรายอมเสียสละดุนยา เพื่อ คำสอนของศาสดาและ อัลลอฮ?
มันจะเป็นความหมายอะไรเมื่อพวกท่านตักตวงแต่ผลประโยชน์จากดุนยา ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ขาดทุนในอาคิเราะห์ทั้งสิ้น?
จะเป็นอะไรมั้ยหากพวกท่านยอกละทิ้งความสะดวกความง่ายในโลกดุนยาเพื่อที่จะเป็นบ่าวที่พระองค์พึงประสงค์ทั้งโลกนี้และโลกหน้า เพื่อนเป็นบ่าวที่ ตออัต เชื่อฟังและ มีเกียติ? อะไรที่พวกท่านจะได้รับจากโลกดุนยานี้เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่พวกท่านจะได้รับจากสิ่งที่แน่นอนกว่า...?

وَالْآخِرَةُ خَيْرٌ وَأَبْقَى


“อาคีเราะห์นั้นดีกว่าและแน่นอนกว่า” ((QS. Al-A’laa: 17)


อย่างไรก็ตามสิ่งที่อิสลามไม่อนุมัติต่างๆก็นำมาซึ่งผลพวงที่ดีต่อดุนยา และอาคีเราะห์ทั้งสิ้น ไม่ได้นำมาซึ่งการขาดทุนทั้งสองโลกแต่อย่างใด ดั่งเช่นอัลลออฮได้ตรัสไว้ในอายะ ต่อไปนี้...




فَلْيَحْذَرِ الَّذِينَ يُخَالِفُونَ عَنْ أَمْرِهِ أَنْ تُصِيبَهُمْ فِتْنَة أَوْ يُصِيبَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ


“บรรดาผู้ที่ปฏิเสธคำสอนของท่านรอซุ้ลควรแก่การ กลัวต่อการลงโทษที่พวกเขาจะได้พบเจอ” (QS. An Nuur: 63

ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้สำหรับผู้ที่จะฝ่าฝืนคำสอนของศาสนาควรตระหนักอย่างยิ่งว่า สิ่งที่พวกเขาจะได้รับต่อผลกรรมที่พวกเขาได้ก่อขึ้นนั้นจะเป็นเช่นไรพวกเขาเลือกที่จะตักตวงผลกำไรหรือชีวิตที่มีการขาดทุน”

สิ่งที่อิสลามไม่อนุมัตินั้นเล็กน้อยกว่าสิ่งที่อนุมัติ
คนที่พูดว่า”เอะอะๆก็ฮารอมๆ นั้นก็ไม่ได้ นี้ก้ไมได้”มิได้คิดเลยหรอกหรอว่าสิ่งที่อัลลอฮอนุมัติให้พวกเขานั้นมากมายซะกว่าสิ่งที่ไม่อนุมัติหรสิ่งที่ ฮาลาล นั้น มากว่า สิ่งที่ฮารอมซะอีก,เช่นอาหารที่ ไม่อนุมัติให้กินนั้นน้อยกว่าที่อนุมัติซะอีก.อัลลอฮ ตาอาลา ไม่ได้จำกัดอาหารที่ฮาลาลกับการแยกชนิดของอาหารนั้นๆไว้เพื่อให้เป็นการง่ายต่อบ่าวของพระองค์.เพียงสิ่งนี้ก็สรุปได้ง่ายๆว่าทุกสิ่งที่อยู่บนโลกนี้ส่วนมากนั้นเป็นสิ่งที่ฮาล้าลมากกว่าฮารอมซะอีก พระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกัยเรื่องอาหารและเครื่องดื่มโดยรวมๆไว้ว่า...

كُلُوا وَاشْرَبُوا وَلَا تُسْرِفُوا إِنَّهُ لَا يُحِبُّ الْمُسْرِفِي

“และจงกินและจงดื่ม และจงอย่าฟุ้มเฟือย เพราะแท้อัลลอฮไม่ชอบบรรดาผู้ที่ฟุ้มเฟือย” (QS. Al A’araf: 31)







รวมไปถึงเพียงแค่กี่ชนิดเท่านั้นที่อัลลออฮทรงได้ห้ามไว้ ดั่งเช่นที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า...

وَمَا لَكُمْ أَلَّا تَأْكُلُوا مِمَّا ذُكِرَ اسْمُ اللَّهِ عَلَيْهِ وَقَدْ فَصَّلَ لَكُمْ مَا حَرَّمَ عَلَيْكُمْ إِلَّا مَا اضْطُرِرْتُمْ إِلَيْهِ

“และมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้ากระนั้นหรือ ที่พวกเจ้าไม่บริโภคจากสิ่งที่พระนามของอัลลอฮถุกกล่าวขึ้นบนมัน ทั้งที่พระองค์ทรงแจกแจกแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งสิ่ที่พระองค์ได้ทรงห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว นอกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้รับความคับขันให้ต้องการ” (QS. Al An’am: 119)

และอีกไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่ได้กล่าวไว้อย่างชุดเจนในฮาดิษ รอซุ้ล. จากจุดนี้นักอุลามะ ได้อธิบายไว้จาก
ส่วนหนึ่งใน kaidah fiqih:

الأصل في العبادات الحظر, و في العادات الإباحة

“ฮูกุมที่แท้จริงอิบาดะ คือ ได้ห้ามไว้,ฮูกุมที่แท้จริง อาดัต คือ ได้”

คำว่า อาดัต adah คืออะไรก็ตามที่ตรงกันข้ามกับ ไม่ใช่อิบาดัต อย่างเช่น การกิน การดื่ม การใส่เสื้อผ้า วัตถุดิบต่างๆ และอื่นๆ.ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ฮาลาลและอนุมัติสำหรับพวกเขาจนกว่าจะรู้และเข้าใจในกฎข้อห้ามต่างๆ เชค อับดุลเราะห์มาน บิน นาชิร อัส ซาดี ได้อธิบายไว้ว่า : ทุกสิ่งที่มาจาก อาดัตที่ดีก้คืออาหาร ,เครื่องดื่ม ,เสื้อผ้า ,วัตถุดิบ ,ที่ไม่ใช่อิบาดัต มุอามาลัล การงาน, ฮุกุม พื้นฐานของมันคือ อนุมัติและ ทำได้.คนที่ห้ามหรอไม่อนุมัติกับสิ่งที่เป็นอาดัต ในขณะเดียวกัน อัลลอฮแรอซุลอนุมัตินั้นเขาคนนั้น คือ บุคคล มุบตาดี (mubtadi‘)

ดังนั้นหากเราได้ทราบถึงสิ่งที่ได้ถูกอนุมัติตามหลักศาสนาแล้ว มันก็จะเป็นเรื่องง่าย

وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَتَ اللَّهِ لَا تُحْصُوهَا

“และหากพวกเจ้าจะนับความโปรดปรานของอัลลอฮแล้ว พวกเจ้าก็ไม่อาจจะนับคำนวณมันได้” (QS. Ibrahim: 34)

จากเนี๊ยะมัต ที่ไม่สามารถนับคำนวณได้ มันช่ามากมายซะเหลือเกิน ความเมตตาที่พระองค์พึงมีแก่บ่าวของพระองค์ แล้วเหตุไฉนเหล่า เพียงแค่น้อยนิดที่พระองค์ทรงห้าม พวกเจ้าก็ยังดึงดันที่จะฝ่าฝืน?

คนทุกคนมีความมารถที่จะละต่อสิ่งที่ฮารอม (ไม่อนุมัติ)
อัลลอฮประทานศาสนาอิสลามาเพื่อเป็นทางนำ เพราะอิสลามคือสิ่งที่ง่ายและไม่ยุ่งยากแก่การดำเนินชีวิตของมนุษย์ชาติ .
ท่านศาสดาเคยกล่าวไว้ว่า...

إِنَّ الدِّينَ يُسْرٌ ، وَلَنْ يُشَادَّ الدِّينَ أَحَدٌ إِلاَّ غَلَبَهُ ، فَسَدِّدُوا وَقَارِبُوا وَأَبْشِرُوا

“แท้จริงแล้วศาสนานั้นเป็นเรื่องง่าย ส่วนคนที่มากเกินไปในศาสนาจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ดังนั้นจง อิติกอมัต และจงเข้าใกล้อิสติกอมัต,และจงเตรียมพร้อมที่จะได้รับข่าวดี” (HR. Bukhari no.39)

จนกระทั่งมีคนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับฮาดิษบทนี้ละได้กว่าว่า “สำหรับฉันแล้วการละหมาดวันละเวลานั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก ดังนั้นเมื่อคือสลามคือเรื่องทีง่ายดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องละหมาดวันลละห้าเวลา” ด้วยเหตุผลและข้ออ้างดังกล่าวบรรดาผู้ที่ละเลยและหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองจึงถือเป็น ข้ออ้างในการละเว้นอิบาดัตต่างๆไป. หรืออีกความหายหนึ่งคือพวกตีความว่าสิ่งนั้น “ง่าย” และ “ยาก” ว่าไปตามความคิดของตัวเองทั้งสิ้น. อะไรที่คิดว่าเป็นการยากสำหรับพวกเขาก้อละทิ้ง ถึงแม้ว่า หลักชารีอะห์จะชัดเจนเพียงใดว่านั้นคือ วาญิบ ส่วนหนึ่งใดที่ศาสนาได้ห้าม เพียงแค่เรื่องง่ายๆพวกเขากลับปฏิบัติมันเพียงเพราะอิสลามคือเรื่องง่าย?

แน่นอนเมื่อฮาดิษยังไม่หนักแน่นพอสำหรับพวกเขา อัลลอฮจงได้ตรัสขึ้นมาอีกว่า....

لَا يُكَلِّفُ اللَّهُ نَفْسًا إِلَّا وُسْعَهَا

“อัลลอฮจะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น” (QS. Al Baqarah: 286)

อายะนี้ ตอกย้ำให้ชัดเจนถึงเรื่องคำสอนและข้อห้ามต่างๆว่าพระองค์จะไม่สั่งใช้บ่าวของพระองค์จนเกินพลังและความสามารถของพวกเขาเว้นแต่พวกเขาจะละเล้นมันเสียเอง.และด้วยหลักฐานและเหตุผลต่าๆเพียงแค่นี้ก็บ่งชี้ชัดได้แล้วว่าอิสลาม ไม่ใช้เรื่องยุ่งยากและซับซ้อนวุ่นวาย ทว่านั้นคือทางนำแก่มวลมนุษย์และสิ่งที่ดีที่สุดให้การดำเนินชีวิต.

เชค อัลดุลเราะมานได้อธิบายเกี่ยวกับฮาดาดังกล่าวอีกว่า “ความหมายอีกนัยนึงคือ ศาสนาอิสลามนั้น ง่ายและ ไม่ยุ่งยาก,ดีในหลักอากีดะ, อัคลาค,อาม้าลๆ อิบาดัต ,คำสั่งใช้และข้อห้ามต่างๆ......ทั้งหมดนั้นไม่เกินความสามารถที่มนุษย์จำทำได้ โดยไม่ได้รู้สึกว่ามันเหนื่อยเหนื่อย หนักหนา หรือ ลำบากแต่อย่างใด เพราะอากีดะ อิสลามนั้น ไม่ได้หนักและ ลำบากแก่พวกเขาเลย.

แต่ถ้าหากว่าท่านเป็นเรื่องยากที่จะละทิ้งที่ฮารอม...จงเชื่อมั่นว่าท่านทำได้.

รับรู้และปฏิบัติ
เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่คนเราเผชิญกับความเป็นจริงที่ว่า เมื่อเราเรียนรู้ รับทราบ และเข้าสู่ขบวนการเปลี่ยน..
ดั่งเช่นที่อัลลอฮได้กล่าวไว้เกี่ยวกับ ปฏิกิริยาของบ่าวที่เต็มไปด้วยใจที่ ศรัทธาและ เชื่อฟังว่า..

نَّمَا كَانَ قَوْلَ الْمُؤْمِنِينَ إِذَا دُعُوا إِلَى اللَّهِ وَرَسُولِهِ لِيَحْكُمَ بَيْنَهُمْ أَنْ يَقُولُوا سَمِعْنَا وَأَطَعْنَا وَأُولَئِكَ هُمُ الْمُفْلِحُونَ

“แท้จริงคำกล่าวของบรรดาผู้สรัทธา เมื่อพวกเขาถูกเรียกร้องไปสู่อัลลออฮ และรอซุ้ลของพระองค์เพื่อให้ตัดสินในระหว่างพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟังปฏิบัติตาม และชนเหล่านี้พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ” (QS. An Nuur: 51)

เมื่อศาสนาได้สั่งห้ามในสิ่งๆหนึ่งพวกท่านพร้อมที่จะละทิ้งมันหรือไม่?







ที่มา http://www.muslim.or.id/ ประพันโดย..yulian purnama
แปลโดย...บินต. อับดุลมาลิก มูเก็ม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น